วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ที่เที่ยวกายจนบุรี

     เที่ยวกาญจนบุรี เที่ยวสุดชิลล์ได้ทั้งครอบครัว

    น้ำตกเอราวัณ กาญจนบุรี


น้ำตกเอราวัณ เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตำบลท่ากระดาน จังหวัดกาญจนบุรี เดิมมีชื่อว่า น้ำตกสะด่องม่องลายมาจากชื่อลำธารต้นน้ำ น้ำตกเอราวัณเป็นน้ำตกที่ใหญ่และสวยงามเป็นอย่างมากทำให้ชาวไทยและชาวต่างชาติหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันมาชม โดยน้ำตกเอราวัณเป็นน้ำตกที่มีน้ำตลอดทั้งปีแต่จะมีน้ำน้อยในช่วงเดือนธันวาคม - เมษายน 


ความพิเศษของน้ำตกเอราวัณคือเป็นน้ำตกบนเทือกเขาหินปูน เมื่อสะท้อนแสงอาทิตย์จะทำให้น้ำมีสีฟ้าอมเขียว ตัวน้ำตกมีทั้งหมด 7 ชั้น คือ ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง, ชั้นที่ 2 วังมัจฉา, ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก, ชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อ, ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง, ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา, ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ โดยบริเวณน้ำตกชั้นที่ 1 ถึงชั้นที่ 4 จะมีปลาว่ายน้ำอยู่


น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น


น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ถือเป็นน้ำตกที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย จุดกำเนิดเกิดจากลำน้ำที่ไหลลงมาจากเทือกเขาทางด้านฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก ไหลลงมารวมกันกลายเป็นลำห้วยแม่ขมิ้น  ก่อให้เกิดน้ำตกที่สวยงามถึง 7 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 1 ดงว่าน ชั้นที่ 2 ม่านขมิ้น ชั้นที่ 3 วังหน้าผา ชั้นที่ 4 ฉัตรแก้ว ชั้นที่ 5 ไหลจนหลง ชั้นที่ 6 ดงผีเสื้อ ชั้นที่ 7 ร่มเกล้า   แต่ชั้นที่น่าสนใจที่สุดคือ ชั้นที่ 4  เพราะชั้นนี้เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อนเนื่องจากอยู่บนเทือกเขาที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเขื่อนศรีนครินทร์ได้อย่างชัดเจน


         สะพานข้ามแม่น้ำแคว


สะพานข้ามแม่น้ำแคว เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ สร้างขึ้นในสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ประมาณ 61700 คนและกรรมกรชาวจีน ญวน ชวา มลายู ไทย พม่า อินเดียอีกจำนวนมากมาก่อสร้างทางรถไฟการสร้างสะพานทางรถไฟสายนี้เป็นไปด้วย ความยากลำบากเพราะความทารุณของสงครามและโรคภัยตลอดจนการขาดอาหาร ทำให้เชลยศึกจำนวนหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลง




ขนมไทย

ขนมไทย รวมสูตรขนมหวาน เมนูของว่าง พร้อมเคล็ดลับความอร่อย

ขนมไทยมีอะไรบ้าง  สูตรของหวาน ทั้ง ขนมไทยโบราณ และ ของหวานสมัยใหม่ ทำความรู้จักกับ ขนมไทย ตั้งแต่ ประวัติ ชนิดของขนมไทย การทำขนมไทย ขนมหวาน ของหวาน อาหารว่างแบบไทยๆ

ขนมข้าวต้มหัวหงอก ขนมไทยโบราณ เมนูข้าวเหนียว สูตรต้นตำรับ


ขนมข้าวต้มหัวหงอก สูตรขนมข้าวต้มหัวหงอก ของหวานโบราณ จากข้าวเหนียว เคล็ดลับความอร่อย ขนมไทย เมนูนึ่ง กล้วยทำอะไรกินดี เมนูข้าวต้มหัวหงอก วิธีการทำไม่ยุ่งยาก

อาหารไทยยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ ขนมหวาน ขนมไทย เมนูข้าวเหนียว เมนูนึ่ง วิธีทำข้าวต้มหัวหงอก เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่ข้าวเหนียวที่ใช้ในการนึ่ง เทคนิคการนึ่งข้าวเหนียว และ กล้วยที่นำมานึ่ง ขนมหวานไทย แบบโบราณ เป็น เมนูข้าวต้มมัด เป็น ขนมไทย จากข้าวเหนียว เคล็ดลับความอร่อยของ ขนมข้าวต้มหัวหงอก คืออะไร เคล็ดลับความอร่อย ของ ขนมไทย เมนูนึ่ง นี้คืออะไร มีกล้วยทำอะไรกินดี มี ข้าวเหนียวทำขนมอะไรได้บ้าง ขนมไทยจากข้าวเหนียว เมนูข้าวต้มหัวหงอก เป็น ขนมหวาน ที่มีวิธีการทำไม่ยุ่งยาก ขนมที่หวาน หอม นุ่ม กลมกล่อม มาจากอะไร ขนมข้าวต้มหัวหงอก เมนูข้าวต้มหัวหงอก เป็น ขนมไทย เมนูข้าวเหนียว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนชอบ อาหาร เมนูข้าวเหนียว
ส่วนผสมสำหรับทำขนมข้าวต้มหัวหงอก
  • ข้าวเหนียวเขี้ยวงู เก่า 1 กิโลกรัม
  • กล้วยน้ำว้า 1 หวี
  • มะพร้าวทึนทึก ขูด 1 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1 ขีด
  • งาขาว 1 ถ้วยน้ำจิ้ม
  • งาดำ 1 ถ้วยน้ำจิ้ม
  • ถัวดำ 1 ถ้วย
  • เกลือ
  • ใบตอง สำหรับ ห่อข้าวต้มมัด
วิธีทำขนมข้าวต้มหัวหงอก
  1. เตรียม ถัวดำ โดยการนำเอา ถัวดำ ไปต้ม ใช้เวลาประมาณ 15 นาที จากนั้นนำมาพักเอาไว้ก่อน
  2. เตรียม มะพร้าว โดยการนำ มะพร้าวขูด มา นึ่งในหม้อ นึ่งเดือดประมาณ 15 นาที โรยด้วยเกลือ จากนั้นนำมาพักเอาไว้ก่อน
  3. ล้าง ข้าวเหนียว ให้สะอาด จากนั้นนำไปแช่ในน้ำ 1 คืน จากนั้นนำไปนึ่ง ใช้เวลานึ่งในน้ำเดือดประมาณ 15 นาที จะได้ ข้าวเหนียว กึ่งสุกกึ่งดิบ
  4. เตรียม ใบตอง วางรองสัก 3 ชั้น จากนั้นนำมา ห่อข้าวเหนียว โดย วางข้าวเหนียวคลี่เป็นแผ่นจากนั้น นำ กล้วย วางตรงกลาง ข้าวเหนียว โรยถัวดำ จากนั้น ห่อใบตอง เป็น ทรงข้าวต้มมัด
  5. นำไปต้มในน้ำเดือดใช้เวลาประมาณ 15 นาที
  6. จากนั้น แกะใบตองจะได้ ข้าวต้มห่อหอมๆ ตัดเป็นชิ้นพอคำ นำมาคลุกกับมะพร้าวขูด
  7. จะได้ ขนมข้าวต้มหัวหงอก ทานคู่กับ น้ำตาลทราย ผสม งา เสร็จ เมนูขนมข้าวต้มหัวหงอก
เคล็ดลับการทำ ขนมข้าวต้มหัวหงอก
  1. ข้าวเหนียว ให้ใช้ ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเก่า เนื่องจาก ข้าวเหนียวเขี้ยวงู เม็ดเรียงตัวสวย รสชาติดี และใช้ ข้าวเหนียวเก่า เนื่องจากขนมต้องผ่านกระบวนการ นึ่ง และต้ม หลายขั้นตอน ขนมจะไม่เละ
  2. การเตรียม ข้าวเหนียว ก่อนนึ่งให้ทำการล้างให้สะอาด โดยล้างเบา อย่าให้เมล็ดข้าวหัก ล้างจนน้ำใส จะได้ ข้าวเหนียว นึ่งที่ ไม่มีกลิ่น
  3. เพื่อให้ ข้าวเหนียว มีความหอม ให้แช่ด้วย น้ำใบเตย ด้วย ในตอนที่ แช่ข้าวเหนียว 1 คืน
  4. ถั่วดำ ที่ใช้ทำนั้น ไม่ต้องแช่น้ำก่อน ให้นำไปต้มเลย เนื่องจาก ถั่วดำ หากนำไปแช่น้ำก่อน เหมือนการเตรียม ถัวดำต้ม ทั่วไป หากนำมาทำ ขนมข้าวต้มหัวหงอก จะเละก่อนไม่น่ารับประทาน
  5. สำหรับ มะพร้าวขูด ให้นำไปนึ่งก่อน เพื่อให้ไม่บูดง่าย และ โรยเกลือ เพื่อให้ รสเค็มช่วยตัดความมันของเนื้อมะพร้าว
  6. การเตรียม เครื่องจิ้ม งา น้ำตาล นั้น ให้ โขรกงาขาวพอบุบ เนื่องจาก งาขาว เมื่อบุบ จะมีกลิ่นหอม เพิ่มความอร่อยของ ขนม
  7. การห่อใบตอง ข้าวต้มมัด เป็นขั้นตอนที่สำคัญ เนื่องจาก การห่อ ต้องห่อไม่ให้น้ำเข้าไปใน ข้าวเหนียว ในใบตอง
  8. การเลือก กล้วย ให้ใช้ กล้วยน้ำว้า ที่ไม่สุกเกินไปและไม่ห่ามเกินไป คือ ให้ กล้วยสุกพอดี จะได้ ขนมที่รสชาติพอดี และได้ กล้วยที่อร่อย เมื่อทำเสร็จ

    ขนมฝักบัว ขนมฝักบัวทำอย่างไร เคล็ดลับการทำขนมไทยง่ายๆ

    ขนมฝักบัว เป็นขนมไทย ทานเล่นรูปร่างคล้ายฝักบัว ขนมไทยแสนอร่อย ส่วนผสมมีอะไรบ้าง ขั้นตอนการทำอย่างไร อยากทำขนมฝักบัวขายทำอย่างไร การหมักแป้งขนมฝักบัวทำอย่างไร เคล็ดลับความอร่อยของขนมฝักบัวคืออะไร

    อาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารไทย เมนูขนมหวาน ขนมทอดรูปฝักบัว สีเขียวๆ เคล็ดลับควมอร่อยอยู่ที่ การผสมแป้ง และ เทคนิคการทอดแป้ง ขนมไทย ที่ทำง่ายๆ สามารถ สร้างอาชีพ ได้แบบไม่ยาก คิดถึงขนมฝักบัว เมนูขนมฝักบัว มีส่วนผสมและขั้นตอนการทำ ไม่ยุ่งยาก เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก ขนมไทย
    ส่วนผสมสำหรับทำขนมฝักบัว
    • แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง
    • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
    • แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
    • น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
    • เกลือ 1 ช้อนโต้ะ
    • น้ำใบเตยคั้นสด 1 ถ้วยตวง
    • หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
    • น้ำมันสำหรับทอดขนม
    วิธีทำขนมฝักบัว
    1. นำ แป้งสาลี แป้งข้าวเจ้า และ แป้งข้าวเหนียว มาผสมให้เข้ากัน จากนั้นใส่ น้ำใบเตย ลงไปละลายให้แป้งเข้ากับน้ำ
    2. เติม น้ำตาลทราย และ เกลือ ลงไป ผสมให้ส่วนผสมละลายกับแป้ง หมักทิ้งไว้ 1 คืน
    3. เมื่อ หมักแป้ง ไว้ 1 คืน แล้ว ให้นำหัวกะทิ มาผสมกับแป้ง และผสมให้ส่วนผสมให้เข้ากัน
    4. ตั้งกระทะ น้ำมันให้ร้อนปานกลาง ไฟอ่อน ให้น้ำมันท่วมตัวแป้ง
    5. จากนั้น หยอดแป้งลงบนกระทะ 1 ช้อน แป้งจะค่อยๆฟูเป็น รูปฝักบัว เมื่อสุกได้ที่ก็นำขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน
    6. เสร็จ ขนมฝักบัว ขนมง่ายๆ เมนูขนมทานเล่น แสนอร่อย
    เคล็ดลับการทำ ขนมฝักบัว
    • น้ำใบเตย ให้ใช้น้ำ ใบเตยคั้นสด จะได้ น้ำใบเตยที่หอม ให้สีที่สวยกับขนม
    • กะทิ ที่ใช้ในการผสมกับแป้ง ให้ใช้ กะทิคั้นสด จะมีความมัน อร่อยกว่ากะทิกระป๋อง
    • การหมักแป้ง ไว้ 1 คืน สำคัญ จะทำให้แป้งอิ่มตัว จะได้ เนื้อขนมที่เนียนนุ่ม ไม่เป็นผงเวลากิน
    • น้ำมัน ที่ใช้ใน การทอด ให้ใช้น้ำมันใหม่เท่านั้น เนื่องจาก น้ำมันเก่าจะมีกลิ่น ที่ทำให้ ขนมเสียความอร่อย ไป
    • ไฟที่ใช้ใน การทอด ให้ใช้ไฟอ่อน ความร้อนของน้ำมันปานกลาง เนื่องจากหากใช้ไฟแรงไปตรงกลางขนมจะไม่สุก หรือ ขอบอาจไหม้เกินไป
    • กระทะ ที่ใช้ใน การทอด ให้ใช้ กระทะใบเล็ก ตูดลึก จึงจะได้ ขนมรูปทรงฝักบัว

      ตะโก้เผือก ขนมไทย ขนมตะโก้เผือก สูตรโบราณพร้อมวิธีทำ

      วิธีทำตะโก้เผือก เผือกทำอะไรกินได้บ้าง ตะโก้เผือก เคล็ดลับความอร่อยของตะโก้มีอะไรบ้าง ตะโก้ ขนมโบราณ สูตรตะโก้เผือก เมนูง่ายๆ เหมาะกับคนรักการทำขนมไทย

      อาหารไทยยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ ขนมไทย สูตรโบราณ เป็น ขนมนึ่ง เมนูกะทิ เอาใจคนชอบเผือก เคล็ดลับความอร่อย อยู่ การผสมแป้ง ให้ได้ความเหนียวและนุ่มพอดี เผือกสุกพอดีไม่เละ ปละกะทิจับตัวเป็นก้อนไม่เละ วิธีทำตะโก้เผือก ขนมไทย จากเผือก เผือกทำอะไรกินได้บ้าง ตะโก้ทำอย่างไร เคล็ดลับความอร่อยของการทำตะโก้มีอะไรบ้าง สำหรับตะโก้เป็นขนมโบราณ จากส่วนผสมของแป้งและกะทิ เพิ่มความอร่อยด้วยเผือก สูตรตะโก้เผือก เป็นเมนูที่ทำได้ ไม่ยุ่งยาก เหมาะกับคนรัก การทำขนมไทย ขนมตะโก้เผือก เป็น ขนมไทยโบราณ ของหวานอร่อยๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย ขนมตะโก้เผือก เหมาะสำหรับคนรัก การทำขนมไทย เมนูขนมหวาน
      ส่วนผสมสำหรับทำตะโก้เผือก
      • แป้งข้าวเจ้า 1 กิโลกรัม
      • แป้งมัน 1 ทัพพี ( สำหรับผสมแป้ง )
      • น้ำเปล่า 1 ลิตร
      • น้ำตาล 8 ช้อนโต้ะ ( สำหรับผสมแป้ง )
      • เผือก หั่นลูกเต๋า 1 ถ้วย
      • หางกะทิ 1 ถ้วย
      • หัวกะทิ 1 ถ้วย
      • แป้งข้าวโพด 1 ทัพพี
      • แป้งมัน 1 ช้อนชา ( สำหรับผสมกะทิ )
      • เกลือ 1 ช้อนโต้ะ
      • กระทงสำหรับใส่ตะโก้
      วิธีทำตะโก้เผือก
      • เตรียมเผือก ด้วยการ นำเผือกไปนึ่ง ประมาณ 10 นาที จากนั้นนำมาพักเอาไว้ก่อน
      • เตรียม แป้งตะโก้ โดย ตั้งหมอ ความร้อนอ่อน จากนั้น ใส่ แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และ น้ำเปล่า ลงไปกวน จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำตาง กวนไปเรื่อยๆ จนเนื้อแป้ง เป็นเหมือนเจล
      • จากนั้นใส่ เผือก ลงไปผสมกับแป้ง กวนให้ เผือก กระจายทั่วแป้ง
      • ตักแป้งลงใน กระทงตะโก้ ใส่ให้เต็ม กระทง จากนั้นพักเอาไว้ก่อน รอโรยหน้า กะทิ
      • เตรียม กะทิสำหรับราดตะโก้ ให้ ผสม หัวกะทิ หางกะทิ น้ำตาล เกลือ แป้งข้าวโพด และ แป้งมัน ผสมให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน
      • จากนั้นนำไปตุ๋น คือ นำหม้อต้มน้ำ จากนั้น นำหมอที่ผสมกะทิ ลงในหมอน้ำร้อน ให้ หม้อกะทิได้รับความร้อนจากน้ำเดือด จากนั้น กวนกะทิไปเรื่อยๆ ให้เนื้อกะทิเป็นเจล เหนียว
      • ราดกะทิลงบน กระทงตะโก้ รายสักสามชั้น โดยให้ใช้แรกเซ็ตตัวก่อน จึงค่อยราดชั้นต่อไป
      • เสร็จ ขนมตะโก้เผือก พร้อมรับประทาน
      เคล็ดลับการทำ ขนมตะโก้เผือก
      1. การเลือกซื้อเผือก ให้ ซื้อเผือกหัวใหญ่ จะได้ปริมาณ เนื้อเผือก ที่มาก
      2. แป้งข้าวเจ้า หากต้องการเพิ่มความหอมของแป้ง ให้นำไป อบควันเทียน และ ดอกมะลิ ก่อน 1 คืน
      3. การกวนแป้ง เป็นขั้นตอนสำคัญ ต้องกวนให้แป้งสุกและเป็นเนื้อเดียวกัน เท่านั้น แป้ง จึงจะอร่อย
      4. การนึ่งเผือก หาก เผือก มีปริมาณมาก สามารถเพิ่มเวลานึ่งได้ ตามความเหมาะสม แต่ การนึ่งเผือก อย่าให้เผือกเละเกินไป จะทำให้ ขนมตะโก้ ไม่ได้รสเผือก
      5. การกวนกะทิ เป็นขั้นตอนสำคัญ ให้ผสมส่วนผสมของกะทิให้เสร้จก่อน นำขึ้นก้วน และกวนลักษณะตุ๋น จะทำให้ความร้อนไปถึงกะทิไม่มากและเร็วเกินไป จะได้ เนื้อกะทิ เนียน นุ่ม อร่อย

        เต้าหู้นมสด ขนมหวาน เมนูคลายร้อนจากถั่วเหลือง เต้าหู้

        วิธีทำเต้าหู้นมสด เต้าหู้ทำอะไรกินได้บ้าง เมนูเต้าหู้ ของหวานจากเต้าหู้ ขนมไทย วุ้นเต้าหู้  ของหวานฤดูร้อน เต้าหู้นมสด โรยหน้า ผลไม้รวม สอนทำวุ้นเต้าหู้

        อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารง่ายๆ เมนูคลายร้อน สำหรับวันร้อนๆ คือ เต้าหู้นมสด เต้าหู้ทำอะไรกินได้บ้าง ถั่วเหลืองทำอะไรกินดี ของหวานจากเต้าหู้ ขนมไทย วุ้นเต้าหู้ หน้าร้อนควรหาของหวานเย็นๆรับประทาน แนะนำอาหาร โรยหน้าด้วยผลไม่รวม สามารถคลายร้อนได้อย่างสดชื่น สอนทำเต้าหู้นมสด วิธีทำเต้าหู้นมสด เมนูของหวาน ทำจากนมสดล้วน ๆ สำหรับคนที่ไม่ดื่มน้ำเต้าหู้ก็ทานได้สบาย รสสัมผัสเนียนนุ่ม หวานหอมมันกลมกล่อม กินง่ายทำง่าย เต้าหู้นมสด หวาน มัน อร่อย ที่สำคัญ ทำแบบง่ายๆ เสร็จเร็วๆ ที่สำคัญอร่อยด้วย สูตรเต้าหู้นมสด เมนูของหวาน สูตรขนมหวาน แบบง่ายๆ ส่วนผสมเข้าใจง่าย วิธีทำไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับคนชอบกิน เมนูเต้าหู้
        ส่วนผสมสำหรับทำเต้าหู้นมสด
        • ผงเจลาติน 1 ช้อนโต้ะ
        • ผงวุ้น 1 ช้อนโต้ะ
        • น้ำเปล่า 2 ถ้วย
        • น้ำเต้าหู้ 3 ถ้วย
        • นมข้นจืด 1 ถ้วย
        • นมข้นหวาน 1 ถ้วย
        • ผลไม้ สำหรับแต่งหน้า เช่น สับปรด ส้ม เป็นต้น
        วิธีทำเต้าหู้นมสด
        1. ต้มน้ำเปล่า จากนั้นใส่ ผงเจลาติน และผงวุ้นลงไป ต้มให้ส่วนผสมละลาย เข้ากัน จากนั้นพักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที
        2. จากนั้น ใส่ น้ำเต้าหู้ นมข้นจืด นมข้นหวาน ลงไป ต้มให้ส่วนผสมเข้ากัน จากนั้นกรองโดยผ้าขาวบาง ใส่พิมพ์ รอให้เต้าหู้นมสดเย็น เซ็ตตัว
        3. แต่งหน้า เต้าหู้นมสด ด้วยผสไม้ต่างๆ ตามใจชอบ นำไปแช่เย็น รับประทานเย็นๆจะให้ความอร่อยและสดชื่นถึงใจ
        เคล็ดลับการทำเต้าหู้นมสด
        • น้ำเต้าหู้ ใช้ ถั่วเหลืองสีเปลือก แบบสำเร็จรูปอย่างดี โดย เทคนิคการทำน้ำเต้าหู้ ใช้ถั่วเหลืองแช่น้ำ 3 ชั่วโมง จากนั้น นำไปโม่เอาแต่น้ำ ขั้นตอนการกรองน้ำเต้าหู้ ไม่ให้ใช้การบีบกากถั่วเหลือง เนื่องจาก กากถั่วเหลือง จะทำให้มีกลิ่นถั่วเหลือง จะไม่อร่อย
        • การต้มน้ำถั่วเหลือง ให้ใช้ไฟอ่อนๆ ถ้าไฟแรงน้ำเต้าหู้จะไหม้ มีกลิ่น ไม่อร่อย และต้องกวนน้ำตลอดเวลาในการต้ม
        • ใส่ใบเตยลงไปต้มเพื่อให้น้ำถั่วเหลือง หอมใบเตย
        • การผสมส่วนผสมในการทำวุ้น ก่อนนำไปลงพิมพ์ ให้กรองน้ำถั่วเหลือง ไม่ให้มีเศษเจือปน
        • เมนูเต้าหู้นมสด ต้องกินเย็นๆ จะทำให้สดชื่นอร่อย
        • สำหรับเต้าหู้ สามารถใส่ส่วนผสมอื่นๆ ให้เพิ่มสีสันของเต้าหู้นมสด เช่น กาแฟ ชาเขียว เป็นต้น
        สูตรเต้าหู้นมสด สูตรเชฟปุก เป็นอีกหนึ่ง สูตรน้ำเต้าหู้นมสด ที่อยากแนะนำให้เพื่นๆ ทราบ โดยส่วนผสม ประกอบด้วย ผงเจลาติน น้ำเปล่า นมสด นมข้นจืด ผงวุ้น นมข้นหวาน กลิ่นมะลิ ฟรุตสลัด กีวีหั่นเต๋า และแก้วมังกรหั่นเต๋า
        วิธีทำเต้าหู้นมสด ของเชฟปุก โดย ผสมน้ำกับผงเจลาติน ละลายและทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้น ใส่นมสดและนมข้นจืด และผงวุ้นลงไป ต้มด้วยไฟอ่อน ๆ เมื่อเริ่มเดือด ใส่นมข้นหวาน กลิ่นมะลิ ลงไป กวนให้ละลายเข้ากันพักทิ้งไว้สักครู่ กรองน้ำเต้าหู้ จากนั้นเทใส่พิมพ์ นำไปแช่ตู้เย็น ก่อนเสิร์ฟ ใส่ ฟรุตสลัดและผลไม้ แต่งหน้า น้ำเต้าหู้นมสด อร่อยๆ ตามสไตล์ เชฟเต

อาหารไทย

อาหารไทย รวมสูตรอาหาร เมนูอาหาร รายการกับข้าวง่ายๆ


ทอดมันหัวปลี อาหารไทย เมนูทอด เมนูหัวปลี

วิธีทำทอดมันหัวปลี อาหารไทย เมนูทอด นำกาบหัวปลี มาสับเป็นชิ้นเล็กๆ ผสมกับพริกแกงแดง และ หมูสับ พร้อมด้วยผสมอื่นๆของทอดมัน นำมาทำเป็นทอดมัน อาหารทอด แบบง่ายๆ เมนูหมู


อาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารทอด เอาใจคนชอบทอดมัน ทานคู่กับน้ำจิ้มหวานๆ เป็นเมนู ทอดมันหัวปลี นำเอาหัวปลีมาเป็นส่วนผสมหลักของอาหาร ใส่กับพริกแกงแดง และ หมูสับ ทอดเป็นก้อน หัวปลีเป็น พืชที่มีรสฝาด บำรุงเลือดได้ดี สามารถนำมาทำอาหารได้หลายชนิด เมนูนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งเมนูแนะนำ ทอดมันหัวปลี อาหารไทย ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูทอด
ส่วนผสมสำหรับทำทอดมันหัวปลี
  • หัวปลีของกล้วยน้ำหว้า ขนาดกลาง 1 หัว
  • ข่าซอย 2 ช้อนโต้ะ
  • ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต้ะ
  • ผิวมะกรูด 1 ช้อนโต้ะ
  • พริกแห้ง 2 ช้อนโต้ะ
  • กระเทียม 2 ช้อนโต้ะ
  • หอมแดง 2 ช้อนโต้ะ
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • หมูสับ 3 ขีด
  • แป้งสาลี 2 ช้อนโต้ะ
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
  • น้ำมันสำหรับทอด
ส่วนผสมสำหรับทำน้ำจิ้ม
  • น้ำเปล่า 1 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
  • พริกแดงปด 1 ถ้วย
  • น้ำส้มสายชู 5 ช้อนโต้ะ
  • เกลือ 2 ช้อนชา
  • ซอสพริก 1 ถ้วย
  • แตงกวาซอย 2 ช้อนโต้ะ
  • ถั่วลิสงบด 2 ช้อนโต้ะ
วิธีทำทอดมันหัวปลี
  1. ทำพริกแกงแดง ด้วยการ นำ ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด พริกแห้ง หอมแดง กระเทียม เกลือ โขรกให้ส่วนผสมทั้งหมดละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำมาพักเอาว้ก่อน เตรียมนำมาทำทอดมัน
  2. เตรียมหัวปลี โดย ตัดหัวออก ผ่าไส้หัวปลีออก ล้างด้วยน้ำมะนาว เอาเฉพาะส่วนกาบอ่อน นำมาหั่นและสับให้เป็นชิ้นพอดีคำ ไม่ใหญ่ หรือ ละเอียดเกินไป
  3. ผสมทอดมัน โดย นำ พริกแกงแดง หมูสับ กาบหัวปลี น้ำปลา ใบมะกรูดซอย แป้งสาลี ไข่ไก่ นวดให้ส่วนผสมเป็นเหนียวสามารถปั้นเป็นก้อนได้
  4. ตั้งกระทะน้ำมันให้น้ำมันร้อน ไฟปานกลาง ปั้นทอดมันให้ได้ขนาดพอดีคำ เป็นชิ้นลักษณะแบน นำลงไปทอด ให้เหลืองสุก ก็สามารถเสริฟรับประทานได้ นำมาทานคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ด
วิธีทำน้ำจิ้มทอดมัน
  1. ต้มน้ำเปล่า ใส่น้ำตาลลงไปต้ม ตามด้วยเกลือและน้ำส้มสายชู เคี้ยวให้ออกเหนียวๆ
  2. เติมซอสพริกลงไป เคี้ยวต่อ ให้เหนียว เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น ใส่แตงกวาและหัวลิสงลงไป
เคล็ดลับการทำทอดมันหัวปลี
  1. หัวปลี ให้เลือกหัวปลีขนาดกลาง เนื่องจากไม่อ่อนหรือ แก่เกินไป และ ต้องเลือกหัวปลีของกล้วยน้ำว้า เท่านั้น เนื่องจากรสชาติของหัวปลีของกล้วยน้ำว้าไม่ฝาดมาก นำมาทำอาหาร ได้รสชาติอร่อย
  2. น้ำมันสำหรับนำมาทอด ให้ใช้น้ำมันใหม่ โดยการใช้ไฟในการทอด คือ ให้ใช้ไฟปานกลาง น้ำมันร้อน จะทำให้อาหารไม่อมน้ำมัน และ สุกพอดี
  3. การปั้นทอดมันสำหรับทอดนั้นให้ปั้นแบนๆ แต่ไม่ต้องแบนมาก การปั้นให้ลักษณะแบน จะทำให้เวลาทอด ทอดมันสุกง่าย และ สุกพอดี
  4. การล้างหัวปลี ให้ใช้ มะนาวสด ผสมน้ำล้าง น้ำมะนาวมีฤทธิ์ ทำให้หัวปลีไม่ดำ และยางของหัวปลีกล้างออกง่าย

ใบเหลียงต้มกะทิ อาหารพื้นบ้าน เมนูสุขภาพ เมนูใบเหลียง

วิธีทำใบเหลียงต้มกะทิ อาหารไทย อาหารใต้ เมนูแกงกะทิ เมนูกุ้ง ใช้ใบเหลียงเป็นส่วนประกอบหลัก เป็นอาหารรสชาติอร่อย แบบพื้นบ้าน ใบเหลียงทำอะไรกินได้บ้าง มีกะทิทำอะไรกินดี ผักเหลียงต้มกะทิกุ้งสด แกงกะทิใบเหลียง


อาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ เป็น อาหารพื้นบ้าน ของทางปักษ์ใต้ หลายๆคนจะรู้จักแต่ สะตอ แต่มีผักพื้นบ้านที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ ใบเหลียง วันนี้เราจึงนำเสนอ แกงกะทิใบเหลียง หรือ ใบเหลียงต้มกะทิ คุณสมบัติอย่างหนึ่งของใบเหลียง คือ มีความมัน และกลิ่นไม่แรง สรรพคุณทางสมุนไพรมากมาย เป็นไฟเบอร์ชั้นดี มีสารต้านอนุมูนอิสระ มีประโยชน์ต่อร่างกาย ป้องกันมะเร็งได้ เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ อยู่ที่ เทคนิคการเลือกวัตถุดิบ น้ำกะทิต้องใช้ ทั้งหัวกะทิ และ หางกะทิ กุ้งต้องใช้สดๆ การปรุงรสชาติที่ให้รสชาติพอดี อร่อย แกงกะทิใบเหลียงกุ้งสด อาหารไทย เมนูแกง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูพื้นบ้าน
ส่วนผสมสำหรับทำใบเหลียงต้มกะทิ
  • ใบเหลียงอ่อน ฉีกเป็นชิ้นอดีคำ 2 จาน
  • หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
  • หางกะทิ 1 ถ้วยตวง
  • กุ้งสด ตัดหัว ผ่าหลัง 5-6 ตัว (ตามใจชอบ)
  • กะปิ 1 ช้อนโต้ะ
  • หอมแดง 1 ช้อนโต้ะ
  • พริกไทยแห้งเม็ด 1 ช้อนโต้ะ
  • กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต้ะ
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
วิธีทำใบเหลียงต้มกะทิ 
  1. เตรียมเครื่องแกง โดย การ โขรก กะปิ หอมแดง พริกไทย และ กุ้งแห้ง โขรกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
  2. จากนั้น ตั้งหม้อต้ม ใส่หางกะทิลงไปต้ม ใช้ไฟอ่อนๆ อย่าให้กะทิแตกมัน เมื่อกะทิเริ่มเดือด ใส่เครื่องแกงลงไป ต้ม
  3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา จากนั้นใส่กุ้งสดลงไปต้ม เมื่อกุ้งเริ่มสุก ให้ใส่ ใบเหลียงลงไปต้ม ชิ่มรสชาติ
  4. จากนั้นใส่หัวกะทิลงไป ต้มให้ส่วนผสมได้ที่ จากนั้นปิดไป และ ใส่ไข่ไก่ลงไปผสมกวนให้น้ำแกงมีความค้นและมัน
  5. เท่านี้ ก็สามารถ เสริฟ แกงกะทิใบเหลียง ได้แล้ว
เคล็ดลับการทำแกงกะทิใบเหลียง
  • ใบเหลียง ให้เลือกใบอ่อน เนื่องจากใบอ่อนจะเคี้ยวง่าย ไม่เหนียว รับประทานอร่อยกว่าใบแก่ๆ
  • เมื่อได้ใบเหลียงมาแล้ว ให้ล้างให้สะอาด อย่าให้มีเศษฝุ่นเจือปน และ ฉีกใบเหลียงรอไว้เลย
  • กุ้ง ต้องเลือกใช้ กุ้งที่สดๆ ตัวโตๆ เทคนิคการเลือกกุ้ง นั้น ให้เลือกกุ้งที่มีความสมบูรณ์ เปลือกติดกับตัวกุ้ง หัวไม่หลุดจากตัว เนื้อกุ้งแน่น ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า ไม่มีสีเขียว หรือ เหลือง ปน
  • การเตรียมกุ้ง ให้ล้างกุ้งให้สะอาด ตัดหัวออก ปลอกเปลือก ผ่าหลัง สำหรับเมนูนี้ให้เอาหัวกุ้งออก เนื่องจากหากใส่หัวกุ้งลงไปต้ม จะทำให้มันกุ้งออกมา น้ำแกงจะเป็นสีส้ม ไม่น่ารับประทาน
  • กะทิ ให้ใช้กะทิสด เป็นกะทิที่คั้นสดๆ จะได้ความหอม มัน และ อร่อย ให้กรองให้สะอาด
  • การต้มน้ำแกง กะทินั้น ต้องใช้ไฟอ่อนๆ เนื่องจากต้องระวังอย่าให้กะทิแตกมัน
  • การใส่ไข่ไก่ลงไป ในขั้นตอนสุดท้าย ทำให้เกิดความมันทำให้น้ำแกงมีรสอร่อย น่ารับประทาน

ขนมจีนน้ำพริก อาหารไทย สูตรน้ำยาขนมจีนตำรับชาววัง

วิธีทำขนมจีนน้ำพริก อาหารไทย เมนแกง น้ำยาขนมจีน สูตรพิเศษ ขนมจีนน้ำพริก เป็นอาหารที่คนไทยนิยมบริโภค สามารถหารับประทานได้ทุกภาคของประเทศไทย ทานกับผักสดๆ ไข่ต้ม เส้นขนมจีนสดๆ


อาหารไทยยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารไทย เมนูจานด่วน คือ น้ำยาขนมจีน น้ำยาน้ำพริก น้ำแกงหอมๆ ค้นๆ หวาน เค้ม มัน มีความกลมกล่อม ตามสูตร เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ อยู่ที่ พริกแกงที่สดๆ ผสมด้วยส่วนผสมที่พอดี กะทิสดๆ หอมๆ ถั่วเขียวที่นึ่งและบด เทคนิคการต้มและการปรุงรสชาติที่ให้รสชาติพอดี ขนมจีนน้ำพริก อาหารพื้นบ้าน เมนูขนมจีน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่ายเหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูขนมจีน
ส่วนผสมสำหรับทำขนมจีนน้ำพริก
  • เนื้อกุ้งสด 1 จาน
  • หอมแดง 3 หัว
  • พริกแห้ง 5-10 เม็ด
  • ข่าซอย 2 ช้อนโต้ะ
  • น้ำตาลปี๊บ 4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะกรูด 3 ช้อนโต๊ะ
  • ถั่วเขียว 2 จาน
  • กระเทียม 4-5 กรีบ
  • รากผักชี 2 ต้น
  • หอมเจียว 1 ช้อนโต้ะ
  • กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต้ะ
  • น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต้ะ
  • หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
  • หางกะทิ 4 ถ้วยตวง
  • พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืช 3 ช้อนโต้ะ
  • ขนมจีน
  • ผักสดสำหรับทานคู่กับขนมจีน เช่น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว แตงกวา เป็นต้น
วิธีทำขนมจีนน้ำพริก
  1. ตั้งกระทะ คั่ว หอมแดง กระเทียม ข่า และรากผักชี คั่วให้หอม จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดมาโขรกให้ละเอียด พร้อมด้วย พริกแห้งและเนื้อกุ้งสด ซึ่งพริกแห้งให้แช่น้ำและเอาเมล็ดออก จะได้พริกแกงสำหรับทำน้ำยาน้ำพริก
  2. นำถั่วเขียวไปนึ่งให้สุก จากนั้นนำมาบดให้ละเอียด นำมาพักเอาไว้ก่อน
  3. ตั้งกระทะน้ำมัน นำพริกแกงลงไปผัด ให้ได้กลิ่นหอม จากนั้นใส่หางกะทิลงไปผัด และ เติมหัวกะทิลงไปด้วย ใช้ไฟอ่อนๆ
  4. จากนั้น ใส่ ถั่วเขียวบดลงไป ปรุงรส ด้วย น้ำตาล น้ำมะขามเปียกและ น้ำปลา เคี้ยวต่อให้เครื่องปรุงเข้ากับน้ำยา
  5. ปิดไฟ และใส่น้ำมะกรูดลงไป เสริฟขนมจีน ทานคู่กับ น้ำยน้ำพริก โรยหน้าด้วยหอมเจียวและกระเทียมเจียว
เคล็ดลับการทำขนมจีนน้ำพริก
  1. กะทิ ให้เลือกใช้ กะทิคั้นสด ซึ่งน้ำกะทิที่คั้นสดๆ จะให้รสชาติและความหอมของกะทิ แบบธรรมชาติ เพิ่มความอร่อยของอาหารแบบธรรมชาติ
  2. น้ำตาล สำหรับนำมาทำขนมจีนน้ำพริก ใช้น้ำตาลปี๊บ ความหวานและหอมของน้ำตาลปี๊บ เหมาะสำหรับนำมาทำขนมจีนน้ำพริก
  3. ถั่วเขียว ให้เลือกใช้ถั่วเขียวสีสำเร็จผ่าซีก ให้เลือกถั่วเขียวที่ดี โดยการคั้ดถั่วเขียวให้ใช้การนำถั่วเขียวไปแช่น้ำ ถั่วที่ลอยน้ำ เป็นถั่วเสีย ให้ทำการคัดออก อย่านำมาทำอาหาร เพราะจะมีกลิ่น
  4. การล้างถั่วเขียวเป็นขั้นตอนที่สำคัญ ต้องล้างถั่วเขียวหลายๆน้ำ ล้างจนน้ำล้างถั่วเขียวใส ไม่มีสีออกมาจึงจะแสดงว่าถั่วเขียวล้างจนได้ที่แล้ว
  5. การทำให้ถั่วเขียวสุก ใช้ผ้าขาวบางห่อและนึ่ง
  6. กุ้ง ให้เลือกใช้กุ้งสดๆ การเลือกกุ้ง ให้เลือกกุ้งที่มีลักษณะสมบูรณ์ เปลือกติดกับตัว หัวไม่หลุดจากตัวกุ้ง เนื้อแน่น ไม่มีกลิ่นเน่า
  7. ขนมจีนต้องใช้ขนมจีนเส้นสด จะได้เส้นที่เหนียวนุ่ม น่ารับประทานก่วาขนมจีนธรรมดา
  8. น้ำมะกรูดหากต้มตอนเดือดจะทำให้มีรสขม ให้ปิดไฟก่อน ค่อยปรุงน้ำมะกรูด
  9. การคั่ว หอมแดง กระเทียม รากผักชี และ ข่า เพื่อให้ได้ความหวาน และ มีกลิ่นหอม ให้กลิ่นที่อร่อยน่ารับประทาน

    หมูผัดแกงเขียวหวาน อาหารไทย เมนูผัด เมนูหมู

    วิธีทำหมูผัดแกงเขียวหวาน สูตรอาหารไทย เมนูผัด จากพริกแกงเขียวหวาน หมูทำอะไรกินำได้บ้าง มีพริกแกงเขียวหวานทำอะไรกินดี เมนูหมู แบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ มีเคล็ดลับการทำอย่างไร

    อาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารไทย เมนูหมู เอาใจคนชอบแกงเขียวหวาน แต่วันนี้ขอเสนอ เป็น หมูผัดแกงเขียวหวานแห้ง เป็นอาหารผัด รสเข้มข้น หมูหมักเนื้อนุ่มๆ กับแกงเขียวหวานรสกลมกล่อม หอมกลิ่นสมุนไพรต่างๆ เช่น ใบโหระพา พริกไทย และ สมุนไพรในพริกแกงเขียวหวาน หมูผัดพริกแกงเขียวหวาน อาหารไทย แบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูผัด
    ส่วนผสมสำหรับทำหมูผัดพริกแกงเขียวหวาน
    • เนื้อหมูหั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 จาน
    • แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต้ะ
    • ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต้ะ
    • พริกไทยป่น 1 ช้อนโต้ะ
    • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
    • มะเขือเปราะ หั่นเป็นชิ้นพอคำ 3 ลูก
    • มะเขือพวง 5-10 เม็ด
    • ใบโหระพา 1 จาน
    • พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง 3 ช้อนโต้ะ
    • พริกไทยอ่อน 2 ช้อนโต้ะ
    • ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต้ะ
    • น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา
    • น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
    • หัวกะทิ 5 ช้อนโต้ะ
    • พริกแกงเขียวหวาน 2 ช้อนโต้ะ
    • น้ำมันพืชสำหรับผัด 2 ช้อนโต้ะ
    วิธีทำหมูผัดพริกแกงเขียวหวาน
    • หมักหมู ด้วย ซอสปรุงรส น้ำตาล และ แป้งข้าวโพด โดย ให้ใส่ซอสปรุงรสและน้ำตาล นวดให้เข้าเนื้อก่อน และ ใส่แป้งข้าวโพดในขั้นตอนสุดท้าย หมักทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำเนื้อหมูมาลวกให้สุกก่อน นำมาผัด
    • นำมะเขือพวงและมะเขือเปราะ ลวกให้สุกก่อน จากนั้นนำไปแช่ในน้ำเย็นไว้ รอผัด การลวกมะเขือพวงและมะเขือเปราะ เพราะ สุกยาก ควรทำให้สุกก่อนจึงจะทำให้ปรุงรสได้ง่ายขึ้น
    • เริ่มผัด โดย ให้ตั้งกระทะน้ำมัน ใส่ พริกแกงเขียวหวานลงไปผัดกับน้ำมัน โดยใช้ไปอ่อนๆ ค่อยๆผัดให้ได้กลิ่นหอมของพริกแกงเขียวหวาน
    • เมื่อพริกแกงเขียวหวานเริ่มส่งกลิ่นหอม ให้ใส่หัวกะทิลงไปผัด ผัดสักพักหนึ่งให้หัวกะทิเริ่มแตกมัน
    • เมื่อหัวกะทิเริ่มแตกมัน จึงใส่ส่วนผสมต่างๆลงไป ประกอบด้วย มะเขือพวง มะเขือเปราะ พริกชี้ฟ้า ใบโหระพา และใบมะกรูดซอย
    • ปรุงรสด้วย น้ำปลา และ น้ำตาลปี๊บ หากแห้งเกินไป สามารถเติมน้ำเปล่าได้
    • ใส่เนื้อหมูลวกลงไปผัด ผัดให้ส่วนผสมเข้ากับแกงเขียวหวาน เท่านี้เป็นอันเสร็จสิ้น สามารถเสริฟใส่จาน พร้อมรับประทานได้
    เคล็ดลับการทำหมูผัดพริกแกงเขียวหวาน
    • เนื้อหมูให้เลือกเนื้อหมูสดๆ เลือกเนื้อหมูส่วนสันคอหมู เนื่องจากเป็นส่วนที่มีเนื้อติดมัน เวลารับประทานจะให้ความนุ่มและมัน ส่วนการเลือกเนื้อหมูที่สดๆ นั้น ให้สังเกตุจากสภาพของเนื้อหมู ต้องแน่นดึง เด่ง เนื้อเป็นสีชมพู ไม่มีกลิ่นเน่า หรือมีสีเขียวปน
    • การเตรียมเนื้อหมูนั้น ให้นำเนื้อหมูไปหมักก่อน ให้เนื้อหมูมีความนุ่มและมีรสชาติ เวลารับประทานได้รสชาติที่อร่อยของเนื้อหมูหมัก แต่สำหรับสูตรนี้ให้นำเนื้อหมูไปลวกให้สุกก่อน นำมาปรุงอาหาร เนื่องจาก ในหมูหมักมีซอสและแป้งปน เวลานำมาปรุงเลยจะทำให้การปรุงรสของผัดแกงเขียวหวานเสียรสชาติ
    • มะเขือเทศและมะเขือเปราะ สุกยาก ให้นำไปลวกให้สุกก่อนนำมาผัด จะทำให้สะดวกกว่าการนำมะเขือลงผัดเลย เนื่องจากอาจทำให้ผักอื่นๆเละก่อนที่มะเขือจะสุก
    • การทำให้มะเขือเปราะไม่ดำ ให้นำไปแช่ในน้ำเกลือจะช่วยให้สีของมะเขือเปราะไม่ดำ
    • การผัดพริกแกงเขียวหวาน ให้ผัดด้วยไฟอ่อนๆ ค่อยๆให้พริกแกงเขียวหวานสุกหอม หากใช้ไฟแรงจะทำให้พริกแกงเขียวหวานไหม้ก่อนเสียรสชาติ
    • การปรุงรสน้ำตาล สำหรับเมนูนี้ ให้ใช้น้ำตาลปี๊บ เนื่องจากน้ำตาลปี๊บมีความหวานและหอม แบบธรรมชาติ

วีธีการทำขนมเค้กเนยสดหม้อหุงข้าว




 1. เค้กเนยสดหม้อหุงข้าว

 ส่วนผสม เค้กเนยสดหม้อหุงข้าว

           แป้งเค้กสำเร็จรูป 400 กรัม (ของยี่ห้อไหนก็ได้)
           เนยเค็มขนาด 220 กรัม จำนวน 1 ก้อน
           นมจืด 1+1/2 แก้วเป๊ก (ถ้าไม่มีใช้น้ำเปล่าก็ได้)
           ไข่ไก่ 4 ฟอง (ไข่ไก่อุณหภูมิห้อง ถ้าแช่เย็นต้องเอาออกมาวางข้างนอกให้หายเย็นก่อน)
           ผงฟู 1/2 ช้อนชา
           น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ (เพราะแป้งสำเร็จรูปไม่หวาน)


 วิธีทำเค้กเนยสดหม้อหุงข้าว


  1. ปั่นน้ำตาลทรายในโถปั่นอาหารให้ละเอียดเหมือนแป้งนำมาเทลงในภาชนะที่เราจะร่อน แล้วใส่ผงฟูตามลงไป เทแป้งเค้กสำเร็จรูปลงไปทำการร่อนในตะแกรงสัก 4-5 รอบ หรือมากกว่านั้นก็ได้


   2. ใส่เนยลงในกะละมังที่ผสมแป้ง ใช้ตะกร้อมือจัดการละเลงได้เลย ตีจนเมื่อยแขน ไม่รู้ว่าจะฟูจะขึ้นยังไง เริ่มจะไม่ไหวแล้วนะ 


  3. จากนั้นเราก็ใส่ไข่ลงไปทีละฟอง สองฟอง สามฟอง ตกลงแล้วใส่ไปเลยทีเดียวลีลามาก ไหนจะเลอะมือ ไหนจะถ่ายรูปจัดไป

           4. ว่าแล้วปัญหาก็เกิดจนได้ ตีไปตีมาเริ่มแยกน้ำแยกเนยลอยฟูฟ่องเลย ขืนตีต่อไปคงไม่ดีแน่ รีบเทแป้งบางส่วนลงไปผสมเลยดีกว่า นี่คือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าถือว่าเอาอยู่


   5. ค่อย ๆ เทแป้งลงไปตีทีละหน่อย ตีไปเรื่อย ๆ ผมคิดว่ามันสนุกดีตีไปร้องเพลงไปจนคิดว่ามันเนียนพอค่อยหยุดตามสปีดตัวเองถ้าเป็นเครื่องตีเนื้อคงสวยกว่านี้เป็นแน่

           6. ไม่รู้ว่าลูกเกดต้องโรยหน้าหรือทำอย่างไร แต่อยากให้ลูกเกดฝังในเนื้อขนมแบบประปราย เลยเทใส่แล้วตีให้เข้ากันดีกว่า คิดแบบนี้ไม่รู้ว่าถูกต้องหรือเปล่าเมื่อเข้ากันดีก็เทลงหม้อหุงข้าวเลย



  7. จากนั้นก็กดปุ่ม รอประมาณ 1 ชั่วโมงทราบผล 


     8. และแล้วก็สุกจนได้ เทลงบนตะแกรง ผึ่งให้เย็น







เที่ยวทะเลจังหวัดระยอง

👉👉เกาะเสม็ด👈👈



 เกาะเสม็ด ระยอง ห่างจากฝั่งบ้านเพ ประมาณ 6 กม. ใช้เวลานั่งเรือไปยังเกาะเสม็ดประมาณ 30 นาทีถึง ท่าเรือหน้าด่าน บนเกาะเสม็ด จากนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินทางโดยรถสองแถว หรือ เช่ามอเตอร์ไซค์ ไปแต่หาด เช่นอ่าวน้อยหน่า อ่าวลูกโยน หาดทรายแก้ว อ่าวไผ่ อ่าวทับทิม อ่าวช่อ อ่าวตะวัน อ่าววงเดือน อ่าวเทียน อ่าวหวาย อ่าวกิ่วอ่าวกะรังซึ่งอยู่ปลายสุด และที่พลาดไม่ได้กับอ่าวพร้าว เป็นเพียงอ่าวเดียวที่อยู่ตะวันตกของเกาะเสม็ด สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้ที่ อ่าวพร้าวแห่งนี้.

การเดินทางไปเกาะเสม็ดนั้น ไม่ยุ่งยากเหมือนเมื่อก่อน นักท่องเที่ยวควรสำรองที่พักไว้ล่วงหน้า มิฉะนั้นคงเสียเวลากะเตงกระเป๋าไปหาห้องพักเหนื่อยแน่ แต่ละหาดอยู่ห่างไกลกันมากทีเดียว
                                            👉อ่าวน้อยหน่า👈
        

อ่าวน้อยหน่า เกาะเสม็ด ชายหาดค่อนข้างเงียบสงบเล่นน้ำได้ เป็นส่วนตัว ถ้ามาจากฝั่งบ้านเพ อ่าวน้อยหน่าจะถึงก่อนหาดอื่นๆ ถัดจากนั้นก็เป็นท่าเรือหน้าด่าน และ อ่าวน้อยหน่า ที่นี่เหมาะที่จะเป็นมุมเงียบสงบกับการอ่านหนังสือ อาบแดดเคล้า เล่นน้ำทะเล.
                                👉อ่าวช่อ👈
         

อ่าวช่อ หรือ อ่าวลุงหวัง เป็นอ่าวทีมีความเงียบสงบเป็นส่วนตัว บรรยากาศดีมากรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ทะเลที่สวยงาม เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติ. ตรงอ่าวช่อนั้นมีสะพานอื่นออกไปในทะเล ทรายขาวละเอียดเหมาะแก่การเล่นน้ำ
การเดินทางไปอ่าวช่อ การเดินทางที่สะดวกคือนั่งเรือมาลงอ่าววงเดือนและเดินย้อนประมาณ 100 เมตร











Infographic